## โอกาสไม่ได้วิ่งเข้าหาคนที่ไม่ทำอะไรเลย##
เขียนเรื่องนี้ไว้เตือนตัวเองเวลาท้อ และขอเป็นกำลังใจให้คนอื่นๆ ที่ต้องมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศนี้ค่ะ
เราย้ายมาอยู่ที่เยอรมันได้ 3 ปี 10 เดือน และกำลังจะได้เซนต์สัญญาเข้าทำงานที่ Institut für Biometrie und Klinische Epidemiologie (iBikE), Charité Universitätsmedizin Berlin
เริ่มทำงานวันที่ 1 สิงหาคม 2018 ในตำแหน่ง Wissenschaftlerin Teilzeit 50% (19.5 hrs./week)
เราย้ายมาเยอรมันเดือนกันยายน 2014 และคลอดลูกชาย และใช้เวลาดูแลลูกปีกว่าๆ ถึงจะได้ไปเรียนภาษาเยอรมัน เดือนเมษายน 2016 (เริ่ม A1) ก็ลงเรียนภาษาเยอรมันมาเรื่อยๆ จนจบ B2 (เดือนเมษายน 2018) ตั้งแต่เริ่มเรียนภาษาเยอรมันตลอดระยะเวลา 2 ปี ได้สมัครงานไปประมาณ 40 แห่ง (อาจจะมากกว่านั้น) ก็มีเรียกสัมภาษณ์บ้าง (แต่จะโดนปฏิเสธตลอดเรื่องภาษาเราไม่ดี เวลาทำงานไม่ได้ เพราะมีลูกเล็ก) เพิ่งมามีปี 2018 สมัครงานไปที่ไหนก็โดนเรียกสัมภาษณ์เกือบหมด (สมัครงานไป 40 แห่ง มีตอบปฏิเสธกลับมาประมาณ 30 ที่เหลือเงียบไปเลย)
ตอนต้นปี 2018 ได้สมัครงานที่ iBikE ไปในตำแหน่งนั้น และเค้าก็เรียกเราไปสัมภาษณ์ คือตอนนั้นดีใจมาก เพราะเป็นสายงานที่ตรงกับที่เคยทำมาที่ไทย (แต่ตัวเองเตรียมตัวไปไม่ดี) เค้ามีให้เตรียมนำเสนองานเป็น ppt อันนี้ก็ไม่ได้เตรียมไป (ก็คิดว่าคงไม่ได้งานแล้วหล่ะ) ในระหว่างสัมภาษณ์มีหัวหน้าหน่วย และนักสถิติประมาณ 5 คน สัมภาษณ์เราคนเดียว (แต่บรรยากาศก็ไม่ได้เครียด หรือน่ากลัวนะ) แต่เค้าถามว่าเราสามารถที่จะสอน นศ.แพทย์เป็นภาษาเยอรมันได้ไหม ให้ช่วยสอนให้ดูหน่อยในห้องสัมภาษณ์ เราตอบว่าไม่ได้ ภาษาเรายังไม่ได้ดีขนาดนั้น (คือสัมภาษณ์หลายอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องประสบการณ์ด้วย) จนสิ้นสุดการสัมภาษณ์ เค้าก็บอกให้รอคำตอบ
เรารอคำตอบจากที่นี่ที่เดียวประมาณ 2 เดือน ***เค้าก็ปฏิเสธมาว่าเค้าได้คนอื่นที่เหมาะสมกว่าเรา*** ตามแบบฉบับของการตอบปฏิเสธเข้ารับทำงาน สรุปง่ายๆ คือ ตกสัมภาษณ์ค่ะ
เราก็เลยอีเมล์ตอบขอบคุณเค้าไปที่สละเวลาสำหรับการสัมภาษณ์ และยินดีที่ได้รู้จัก
และตัดสินใจ (หน้าด้าน) ถามเค้าไปว่า "ฉันขอไปฝึกงานฟรีๆ ที่โน้นได้ไหม ด้วยเหตุผลว่าจะได้เรียนภาษาเยอรมันที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน และมีประสบการณ์การทำงานที่นี่" และอีก 2-3 วันต่อมาก็ได้รับโทรศัพท์ว่าเค้าตอบรับให้เราไปฝึกงานฟรีๆ ได้ 6 สัปดาห์ โดยที่ไม่ได้ค่าแรง หรือแม้แต่ค่าเดินทาง (จริงๆ ขอไป 3 เดือน แต่ด้วยกฏหมายเยอรมัน ถ้านานกว่า 6 สัปดาห์ เค้าต้องจ่ายค่าแรงให้เรา) แต่มันก็คุ้ม เมื่อแลกกับประสบการณ์ และเทียบกับค่าไปเรียนภาษา
ตอนไปฝึกงานอาทิตย์แรก ฟัง-พูดเยอรมันได้แย่มาก (ในความรู้สึกของตัวเองนะ ทั้งๆ ที่เรียนจบ B2) แต่มันแย่จริงๆ เครียดด้วย กดดันด้วย แต่เพื่อนร่วมงานทุกคนน่ารัก เข้าใจว่าภาษาเราไม่ดี ก็พยายามช่วยพูดกับเราทุกอย่าง จนฝึกงานผ่านไปได้ 3-4 สัปดาห์ ก็ได้รับข่าวดีว่าเค้าจะรับเราเข้าทำงานนะ ด้วยเหตุผลที่ว่าเค้าเห็นว่าเราทำงานได้ดี (และก็คงสามารถทำงานได้อ่ะนะ) ก็ดีใจมากที่จะได้ทำงานอันเป็นที่รักอีกครั้ง (หลังจากที่ร้องไห้เสียน้ำตาไปกับการปฏิเสธทุกครั้งที่ถูกสัมภาษณ์งาน)
ตอนนี้ก็รอเซนต์สัญญาที่จะได้เริ่มทำงานแล้วจร้า
แต่อยากมาแชร์ไว้ว่า
1. คนเราต้องหาโอกาสให้ตัวเองเสมอ เพราะโอกาสจะไม่วิ่งเข้าหาเรา ถ้าเราไม่พยายามหามัน
(ตอนแรกจะไม่ถามเรื่องขอฝึกงาน เพราะรู้สึกว่าเค้าอาจจะไม่รับเรา เพราะเค้าเพิ่งปฏิเสธไม่รับเราเข้าทำงาน) จนได้คุยกับหัวหน้า เค้าบอกว่าเธอทำงานได้ดี และสมควรที่จะได้รับมัน (เค้าก็คงรู้สึกผิดอ่ะนะที่ไม่รับเราแต่แรก 555+) แต่เราก็ขอบคุณเค้ามากๆ ที่ให้โอกาสเรามาฝึกงาน และยังรับเราเข้าทำงานด้วย
2. บางทีโอกาสนั้นก็อาจจะต้องรอเวลาที่เหมาะสม รอให้ทุกสิ่งอย่างพร้อมแล้วเราจะรู้ว่า "อะไรที่เป็นของเราก็ต้องเป็นของเรา"