การเตรียมสอบ A1 ในส่วนของข้อสอบอ่าน และเขียน
ในส่วนนี้กรรมการสอบจะแจกข้อสอบให้ทำพร้อมกันนะคะ มีเวลา 45 นาที
เพราะฉะนั้นต้องแบ่งเวลาให้ดีนะคะ
เทคนิคของการทำข้อสอบอ่าน
จริงๆ ก็ไม่ค่อยมีอ่ะนะ เพราะว่าในส่วนนี้เราแค่ต้องรู้ศัพท์ให้มากๆ และแปลความหมาย กับตีโจทย์ออก
ในส่วนของข้อสอบอ่านไม่ได้ยากมาก เป็นตัวที่ทำคะแนนให้ได้เลยนะคะ เพราะส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้ในส่วนของข้อสอบฟังกัน
ข้อแนะนำคือต้องฝึกอย่างเดียวเลยคะ
1. ฝึกในหนังสือ Fit fuer Goethe Zertifikat A1 Start Deutsch 1
2. ฝึกกับตัวอย่างข้อสอบ แล้วลองดูคะแนนตัวเองว่าจะได้เท่าไหร่นะคะ
เทคนิคของการทำข้อสอบเขียน
ข้อสอบเขียนมี 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 มีโจทย์มาให้ แล้วเลือกคำมาเติม ในส่วนนี้คิดว่าทุกคนได้หมดนะคะ คงได้เต็ม 5 กันง่ายๆ หุหุ
ส่วนที่ 2 มีโจทย์มาให้ แล้วให้เราเขียนจดหมาย โดยให้เขียนให้ครบทุกหัวข้อที่เค้ากำหนดมา และเขียนอย่างน้อย 30 คำนะคะ
- ให้เข้าไปดู format ของการเขียนได้ที่นี่ http://www.germanbasic.com/verben15.html
ที่แนะนำเพราะอาจารย์เขียนไว้ดีมากจริงๆ คะ ทำให้การเขียนจดหมายของเราดูสบายตาและสวยงาม
แม้ว่าอาจจะมี หรือไม่มีผลต่อคะแนน แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าเรามีระเบียบเรียบร้อยนะคะ
- ให้เข้าไปดูโจทย์ตัวอย่างของคุณหญิง http://ichbinying.blogspot.com/ ที่แชร์ไว้คะ
แนะนำว่าให้ลองนำโจทย์มา และฝึกเขียนเอง แบบไม่ต้องเปิดหนังสือช่วยนะคะ
หลังจากนั้นให้แฟนช่วยตรวจ หรือตรวจกับหนังสือ และจำตัวอย่างการแต่งประโยคต่างๆ จากในหนังสือมาใช้คะ อาจจะฝึกเขียนวันละเรื่อง หรือสองวันเรื่องก็ได้นะคะ (ในส่วนของการเขียนตัวเองมาฝึกท้ายๆ ช่วง 1 เดือนหลัง เพราะถ้าเริ่มฝึกแรกๆ เรายังไม่รู้คำศัพท์ ยังไม่รู้จักการตั้งประโยคคำถาม หรือโครงสร้างประโยคจะทำให้เรารู้สึกว่ามันยากคะ) เพราะฉะนั้นให้รู้คำศัพท์เยอะๆ ก่อน และรู้โครงสร้างประโยคก่อนนะคะ จึงเริ่มฝึกในส่วนของข้อสอบเขียน
วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
เตรียมสอบ Start Deutsch 1 ด้วยตนเอง 2: Listening
การเตรียมสอบ A1 ในส่วนของข้อสอบฟัง
ข้อสอบฟัง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
1. ส่วนที่ 1 เป็นตัวเลือก ให้ฟัง 2 ครั้ง
2. ส่วนที่ 2 เป็นถูก/ผิด ให้ฟัง 1 ครั้ง
3. ส่วนที่ 3 เป็นตัวเลือก ให้ฟัง 2 ครั้ง
ทั้งหมด 15 ข้อคะ
เทคนิคการทำข้อสอบ
1. ในช่วงที่มีการอธิบายข้อสอบ และตัวอย่างให้รีบไปอ่านโจทย์และตัวเลือกไว้ก่อนเลยคะ
และให้ขีดคำสำคัญไว้ หรือถ้าให้เป็นตัวเลข หรือรูปภาพให้เขียนคำอ่านที่คาดว่าจะได้ยินไว้
ในตัวเลือกเลยคะ
ตัวอย่าง 1 ส่วนที่ 1
คำสำคัญคือ kostet=ราคา Pullover=เสื้อ
แต่ตัวเลือกเค้ามีคำอ่านราคามาให้แล้ว เราก็แค่ต้องตั้งใจฟังนะคะ
ตัวอย่าง 2 ส่วนที่ 3
ในส่วนที่ 3 จะเป็นตัวเลือกที่บางครั้งเป็นตัวเลข แต่จะไม่มีคำอ่าน เพราะฉะนั้น เราต้องรีบเขียนคำอ่านลงไป เพื่อให้ง่ายตอนฟังคะ
2. ข้อสอบถูก/ผิด อันนี้ออกแนวยากเพราะให้ฟังแค่ครั้งเดียว และเสียงก็เหมือนฟังพวกประกาศที่สนามบิน ห้างสรรพสินค้า หรือสถานีรถไฟ ซึ่งเสียงมันจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่เราชอบส่วนนี้เพราะว่าถ้ามันมีตัวเลข หรือเวลามาถาม ข้อนี้จะง่ายคะ แค่ให้ตั้งใจฟังให้ดี
ตัวอย่าง 3 ส่วนที่ 2
พอเราหา keyword ได้แล้วก็เตรียมหูไว้ฟังเลยว่าเป็น Ausgang A7 หรือไม่นะคะ
หรือบางครั้งจะมีข้อสอบที่จะชอบถามว่าในโจทย์ให้เป็นสถานีที่ 7 แต่เวลาประกาศบอกให้เปลี่ยนสถานี หรือ Flight number ประมาณนี้ อันนี้จะง่ายนะคะ เพราะฉะนั้นต้องหา keyword พวกนี้แล้วเตรียมฟังไว้ให้ดีว่าเค้าบอกให้ไปที่ไหน หรือเปลี่ยน flight เป็นอะไรประมาณนี้คะ
3. ข้อสอบตัวเลือกทั้งส่วนที่ 1 และ 3 จะว่าง่ายก็ไม่เชิง ยากก็ไม่เชิงนะคะ เพราะว่าตัวเลือกที่เค้าให้มาในบทสนทนาเราจะได้ยินหมดเลยทั้งสามตัวเลือกคะ ทำให้ดูข้อสอบยากไปเลย เพราะฉะนั้นต้องฝึก และตั้งใจฟังให้ดีนะคะ
ข้อสอบฟัง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
1. ส่วนที่ 1 เป็นตัวเลือก ให้ฟัง 2 ครั้ง
2. ส่วนที่ 2 เป็นถูก/ผิด ให้ฟัง 1 ครั้ง
3. ส่วนที่ 3 เป็นตัวเลือก ให้ฟัง 2 ครั้ง
ทั้งหมด 15 ข้อคะ
เทคนิคการทำข้อสอบ
1. ในช่วงที่มีการอธิบายข้อสอบ และตัวอย่างให้รีบไปอ่านโจทย์และตัวเลือกไว้ก่อนเลยคะ
และให้ขีดคำสำคัญไว้ หรือถ้าให้เป็นตัวเลข หรือรูปภาพให้เขียนคำอ่านที่คาดว่าจะได้ยินไว้
ในตัวเลือกเลยคะ
ตัวอย่าง 1 ส่วนที่ 1
คำสำคัญคือ kostet=ราคา Pullover=เสื้อ
แต่ตัวเลือกเค้ามีคำอ่านราคามาให้แล้ว เราก็แค่ต้องตั้งใจฟังนะคะ
ตัวอย่าง 2 ส่วนที่ 3
ในส่วนที่ 3 จะเป็นตัวเลือกที่บางครั้งเป็นตัวเลข แต่จะไม่มีคำอ่าน เพราะฉะนั้น เราต้องรีบเขียนคำอ่านลงไป เพื่อให้ง่ายตอนฟังคะ
2. ข้อสอบถูก/ผิด อันนี้ออกแนวยากเพราะให้ฟังแค่ครั้งเดียว และเสียงก็เหมือนฟังพวกประกาศที่สนามบิน ห้างสรรพสินค้า หรือสถานีรถไฟ ซึ่งเสียงมันจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่เราชอบส่วนนี้เพราะว่าถ้ามันมีตัวเลข หรือเวลามาถาม ข้อนี้จะง่ายคะ แค่ให้ตั้งใจฟังให้ดี
ตัวอย่าง 3 ส่วนที่ 2
หรือบางครั้งจะมีข้อสอบที่จะชอบถามว่าในโจทย์ให้เป็นสถานีที่ 7 แต่เวลาประกาศบอกให้เปลี่ยนสถานี หรือ Flight number ประมาณนี้ อันนี้จะง่ายนะคะ เพราะฉะนั้นต้องหา keyword พวกนี้แล้วเตรียมฟังไว้ให้ดีว่าเค้าบอกให้ไปที่ไหน หรือเปลี่ยน flight เป็นอะไรประมาณนี้คะ
3. ข้อสอบตัวเลือกทั้งส่วนที่ 1 และ 3 จะว่าง่ายก็ไม่เชิง ยากก็ไม่เชิงนะคะ เพราะว่าตัวเลือกที่เค้าให้มาในบทสนทนาเราจะได้ยินหมดเลยทั้งสามตัวเลือกคะ ทำให้ดูข้อสอบยากไปเลย เพราะฉะนั้นต้องฝึก และตั้งใจฟังให้ดีนะคะ
วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
เตรียมสอบ Start Deutsch 1 ด้วยตนเอง 1
เหตุผลที่ตัดสินใจอ่านหนังสือสอบ Start Deutsch 1 ด้วยตนเอง
ไม่มีเวลาไปเรียน เพราะอยู่ไกล และทำงานเลิกค่ำ จะเรียนเสาร์-อาทิตย์ก็คิดว่าคงไม่ได้อะไรมากและอาจจะใช้เวลานาน เพราะตัวเองต้องรีบสอบ และจากประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษทำให้รู้ว่า การเรียนรู้ด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า เพราะถึงจะไปเรียนที่สถาบัน กลับมาที่บ้านเราก็ต้องฝึกเองอยู่ดี (แต่การที่ไม่ได้ไปเรียนอาจทำให้เราอ่อนในส่วนของแกรมม่า) แต่ถ้าเอาแค่พอสอบผ่านก็ถือว่าโอเคคะ
ความรู้พื้นฐานภาษาเยอรมัน 0 ภาษาอังกฤษค่อนข้างดี
พื้นฐานของตัวเอง สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับค่อนข้างดีนะคะ แต่ภาษาเยอรมันเริ่มจาก 0 คะ เราใช้เวลาในการเตรียมตัวอ่านหนังสือแบบจริงจังคือทุกวันจนถึงวันสอบประมาณ 6 สัปดาห์ แต่ก่อนหน้านั้นเราก็มีอ่านเล่นๆ บ้าง แบบว่าขี้เกียจอ่านบ้างไม่อ่านบ้างประมาณ 2 สัปดาห์คะ
รวมๆ แล้วก็คง 2 เดือนในการเตรียมตัว
ที่ต้องโยงกับพื้นฐานภาษาอังกฤษเพราะว่าจะช่วยให้เราเข้าใจภาษาเยอรมันได้เร็วขึ้นคะ (หนังสือที่ใช้ในการเตรียมสอบจึงเป็น อังกฤษ-เยอรมัน) เพราะฉะนั้นพื้นฐานภาษาอังกฤษจะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณจะใช้เวลาในการเตรียมสอบเองนานแค่ไหนนะคะ
หนังสือ และแหล่งข้อมูลสำหรับเตรียมสอบ
1. Hörkurs Deutsch für Anfänger mit 2 Audio-CDs เล่มสีแดงๆ ซื้อที่เกอเธ่
(เอาไว้อ่านเสริมภาพสีสวยดี และดูวิธีการแปลจากภาษาเยอรมันเป็นอังกฤษ)
2. Fit fuer Goethe Zertifikat A1 Start Deutsch 1 (เล่มนี้ทุกคนคงรู้จักดีนะคะ ขาดไม่ได้)
3. Schritte International 1 Kursbuch +Arbeitsbuch CD zum Abeitsbuch
แนะนำให้อ่านแกรมม่าจาก Schritte International1 Glossary German-English นะคะ
ส่วนแบบฝึกหัดก็ฝึกทำได้ปกติ (แต่เราไม่ได้ฝึกคะ)
4. Schritte International 2 Kursbuch +Arbeitsbuch CD zum Abeitsbuch (เล่มนี้หาไม่ได้เพราะอยากอ่านแกรมม่าใน Glossary สรุปเล่มนี้ตอนที่เตรียมสอบเราไม่ได้ใช้แต่อยากแนะนำคะ
5. Wortschatz & Grammatik A1 ของ Hueber เล่มนี้ใช้ทำแบบฝึกหัดคะ (มีให้ download ฟรีนะคะ)
6. 501 German Verbs ของ Barron ใช้เช็คการใช้คำกริยา (แต่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่คะ)
7. ตัวอย่างข้อสอบ download ได้จากเว็บไชต์ของเกอเธ่ (เอามาฝึกทำนะคะ)
8. เว็บไชต์ของคุณหญิง http://ichbinying.blogspot.com/ (ไม่ได้รู้จักนะคะ แต่ขอนำมาแปะไว้เผื่อใครสนใจ)
9. เว็บไชต์นี้นะคะ http://www.germanbasic.com/verben15.html (สถาบันอยู่พัทยา แต่เนื้อหาในเว็บไชต์มีประโยชน์มากๆ เลยคะ) เข้าไปอ่านเก็บรายละเอียดกันได้
10. Dictionary เยอรมัน-อังกฤษ เรา download จาก itune คะ ใช้ของ dict.cc (ต้องต่ออินเตอร์เน็ตนะคะ) เมื่อเราเปิดศัพท์แต่ละคำจะมีการออกเสียงด้วย แต่จะมีข้อเสียอยู่แค่ว่าเรารู้แต่คำแปล เค้าไม่มีประโยชน์ตัวอย่างให้คะ
11. ติดต่อคุณแฟนไว้คะ 555+ ว่าคุณจะต้องช่วยฉันในการสอบครั้งนี้
12. เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้แต่ละวันคะ ต้องตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องอ่านหนังสือทุกวันนะคะ วันละกี่ชั่วโมงก็ว่าไป (ของเราประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน (วันธรรมดา) เพราะเหนื่อยจากการทำงาน แพ้ท้อง และดึกๆ ต้อง Video call กับคุณสามี ซึ่งปกติคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ได้ช่วยเรื่องภาษาเยอรมันเราเลย 555+ ส่วนเสาร์-อาทิตย์อ่านเกือบทั้งวันคะ อาจจะมี relax บ้าง)
ข้อแนะนำจากประสบการณ์ของตัวเองในการเริ่มอ่านหนังสือนะคะ
1. ฝึกท่อง A, B, C,... ให้ได้
2. การนับ และอ่านตัวเลข
3. วัน และเดือน
4. ลุยหนังสือเล่มแรกกันเลยคะ ที่แนะนำคือให้เริ่มจากเล่มที่ 2 (Zertifikat A1) ก่อนเลยนะคะ เปิดคำศัพท์ทุกคำที่เราไม่รู้ ช่วงแรกๆ อาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะว่าไม่รู้ศัพท์สักคำจริงๆ หลังๆ จะเริ่มดีขึ้นคะ
ตอนแรกเราไปเริ่มอ่านเล่มที่ 1 ก่อน ปรากฎว่าพัฒนาการด้านการเรียนรู้ภาษาเยอรมันของเรามันไปช้ามาก (จากที่ประเมินตัวเอง แบบว่าไม่ได้ดั่งใจ) ก็เลยเปลี่ยนมาอ่านเล่มที่ 2 ก็พยามยามจำคำศัพท์ให้เยอะๆ เข้าไว้คะ (ของเราใช้วิธีการจัดใส่กระดาษโน้นแผ่นเล็กๆ ที่เค้าตัดไว้แล้ว....(เราจะได้ไม่ต้องไปเมื่อยตัดกระดาษเอง)...จุดคำศัพท์ตามหนังสือที่แยกเป็นหมวดหมู่เอาไว้) เราใช้เวลาอ่านจบทั้งหมดประมาณ 3 อาทิตย์นะคะ แต่ระหว่างนั้นเราก็อ่านเล่มอื่นๆ ด้วยนะ แต่จะให้น้ำหนักกับเล่มนี้ก่อน
5. อ่าน Glossary German-English ของ Schritte International 1 อันนี้เพื่อเก็บแกรมม่าคะ อ่านควบคู่ไปกับเล่มที่ 2
6. หลังจากอ่าน Glossary German-English ของ Schritte International 1 จบจริงๆ ควรอ่านเล่ม 2 ต่อ แต่เราหาไม่ได้ ก็ให้เริ่มทำแบบฝึกหัด Wortschatz & Grammatik A1 ของ Hueber
ตั้งแต่ข้อ 1 - 6 ใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์นะคะ
7. สัปดาห์ที่ 4 ให้เริ่มฝึกการตั้งคำถามคะจากคำศัพท์ที่เราได้เรียนจาก Zertifikat A1 เทคนิคของเราคือเราพิมพ์ใส่ excel แยกแต่ละ sheet เป็นแต่ละหมวดหมู่คะ เสร็จแล้วเราก็ส่งไปให้แฟนเราตรวจว่าที่เราตั้งคำถามมานี่เราตั้งได้ถูกไหม ตัวอย่างที่เราทำไว้นะคะมีทั้งหมด 7 หมวดหมู่
8. ฝึกเขียนจดหมายโดยใช้โจทย์จากหนังสือ และเว็บของคุณหญิงที่ทำไว้ให้คะ (ดูตัวอย่างการเขียนจดหมายได้จากเว็บไชต์ข้อ 9)
9. ให้เริ่มฝึกทำข้อสอบจากตัวอย่างคะ ลองทำชุดแรกก่อนแล้วประเมินตัวเองว่าพอจะได้คะแนนเท่าไหร่ แล้วเราต้องเพิ่มส่วนไหน
10. สัปดาห์ที่ 5 และ 6 จะเป็นสัปดาห์ของการทบทวนคำศัพท์ และฝึก speaking ทั้งหมดคะ
และให้ฝึกทำข้อสอบหลายๆ ครั้งคะ (ฝึก speaking กับคุณแฟนได้นะคะ โดยเราเป็นคนเลือกบัตรคำ โชว์ให้คุณแฟนดูว่าเราได้คำว่าอะไร แล้วเราก็ฝึกตั้งคำถามคะ...แต่ของเราคุณชายก็พอช่วยได้นะคะ แต่แบบว่าพอฝึกไปได้ซัก 1 ชั่วโมง คุณเธอก็อยากคุยเรื่องอื่นแล้วอ่ะคะ เราก็เลยแบบว่าได้ฝึกนิดหน่อย แต่เค้าก็ช่วยได้เยอะตอนเช็คการตั้งคำถามใน excel และการเขียนจดหมายคะ)
เอาไว้เดี๋ยวจะมาลงรายละเอียดให้ในแต่ละส่วนของการสอบนะคะ
ไม่มีเวลาไปเรียน เพราะอยู่ไกล และทำงานเลิกค่ำ จะเรียนเสาร์-อาทิตย์ก็คิดว่าคงไม่ได้อะไรมากและอาจจะใช้เวลานาน เพราะตัวเองต้องรีบสอบ และจากประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษทำให้รู้ว่า การเรียนรู้ด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า เพราะถึงจะไปเรียนที่สถาบัน กลับมาที่บ้านเราก็ต้องฝึกเองอยู่ดี (แต่การที่ไม่ได้ไปเรียนอาจทำให้เราอ่อนในส่วนของแกรมม่า) แต่ถ้าเอาแค่พอสอบผ่านก็ถือว่าโอเคคะ
ความรู้พื้นฐานภาษาเยอรมัน 0 ภาษาอังกฤษค่อนข้างดี
พื้นฐานของตัวเอง สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับค่อนข้างดีนะคะ แต่ภาษาเยอรมันเริ่มจาก 0 คะ เราใช้เวลาในการเตรียมตัวอ่านหนังสือแบบจริงจังคือทุกวันจนถึงวันสอบประมาณ 6 สัปดาห์ แต่ก่อนหน้านั้นเราก็มีอ่านเล่นๆ บ้าง แบบว่าขี้เกียจอ่านบ้างไม่อ่านบ้างประมาณ 2 สัปดาห์คะ
รวมๆ แล้วก็คง 2 เดือนในการเตรียมตัว
ที่ต้องโยงกับพื้นฐานภาษาอังกฤษเพราะว่าจะช่วยให้เราเข้าใจภาษาเยอรมันได้เร็วขึ้นคะ (หนังสือที่ใช้ในการเตรียมสอบจึงเป็น อังกฤษ-เยอรมัน) เพราะฉะนั้นพื้นฐานภาษาอังกฤษจะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณจะใช้เวลาในการเตรียมสอบเองนานแค่ไหนนะคะ
หนังสือ และแหล่งข้อมูลสำหรับเตรียมสอบ
1. Hörkurs Deutsch für Anfänger mit 2 Audio-CDs เล่มสีแดงๆ ซื้อที่เกอเธ่
(เอาไว้อ่านเสริมภาพสีสวยดี และดูวิธีการแปลจากภาษาเยอรมันเป็นอังกฤษ)
2. Fit fuer Goethe Zertifikat A1 Start Deutsch 1 (เล่มนี้ทุกคนคงรู้จักดีนะคะ ขาดไม่ได้)
3. Schritte International 1 Kursbuch +Arbeitsbuch CD zum Abeitsbuch
แนะนำให้อ่านแกรมม่าจาก Schritte International1 Glossary German-English นะคะ
ส่วนแบบฝึกหัดก็ฝึกทำได้ปกติ (แต่เราไม่ได้ฝึกคะ)
4. Schritte International 2 Kursbuch +Arbeitsbuch CD zum Abeitsbuch (เล่มนี้หาไม่ได้เพราะอยากอ่านแกรมม่าใน Glossary สรุปเล่มนี้ตอนที่เตรียมสอบเราไม่ได้ใช้แต่อยากแนะนำคะ
5. Wortschatz & Grammatik A1 ของ Hueber เล่มนี้ใช้ทำแบบฝึกหัดคะ (มีให้ download ฟรีนะคะ)
6. 501 German Verbs ของ Barron ใช้เช็คการใช้คำกริยา (แต่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่คะ)
7. ตัวอย่างข้อสอบ download ได้จากเว็บไชต์ของเกอเธ่ (เอามาฝึกทำนะคะ)
8. เว็บไชต์ของคุณหญิง http://ichbinying.blogspot.com/ (ไม่ได้รู้จักนะคะ แต่ขอนำมาแปะไว้เผื่อใครสนใจ)
9. เว็บไชต์นี้นะคะ http://www.germanbasic.com/verben15.html (สถาบันอยู่พัทยา แต่เนื้อหาในเว็บไชต์มีประโยชน์มากๆ เลยคะ) เข้าไปอ่านเก็บรายละเอียดกันได้
10. Dictionary เยอรมัน-อังกฤษ เรา download จาก itune คะ ใช้ของ dict.cc (ต้องต่ออินเตอร์เน็ตนะคะ) เมื่อเราเปิดศัพท์แต่ละคำจะมีการออกเสียงด้วย แต่จะมีข้อเสียอยู่แค่ว่าเรารู้แต่คำแปล เค้าไม่มีประโยชน์ตัวอย่างให้คะ
11. ติดต่อคุณแฟนไว้คะ 555+ ว่าคุณจะต้องช่วยฉันในการสอบครั้งนี้
12. เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้แต่ละวันคะ ต้องตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องอ่านหนังสือทุกวันนะคะ วันละกี่ชั่วโมงก็ว่าไป (ของเราประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน (วันธรรมดา) เพราะเหนื่อยจากการทำงาน แพ้ท้อง และดึกๆ ต้อง Video call กับคุณสามี ซึ่งปกติคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ได้ช่วยเรื่องภาษาเยอรมันเราเลย 555+ ส่วนเสาร์-อาทิตย์อ่านเกือบทั้งวันคะ อาจจะมี relax บ้าง)
ข้อแนะนำจากประสบการณ์ของตัวเองในการเริ่มอ่านหนังสือนะคะ
1. ฝึกท่อง A, B, C,... ให้ได้
2. การนับ และอ่านตัวเลข
3. วัน และเดือน
4. ลุยหนังสือเล่มแรกกันเลยคะ ที่แนะนำคือให้เริ่มจากเล่มที่ 2 (Zertifikat A1) ก่อนเลยนะคะ เปิดคำศัพท์ทุกคำที่เราไม่รู้ ช่วงแรกๆ อาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะว่าไม่รู้ศัพท์สักคำจริงๆ หลังๆ จะเริ่มดีขึ้นคะ
ตอนแรกเราไปเริ่มอ่านเล่มที่ 1 ก่อน ปรากฎว่าพัฒนาการด้านการเรียนรู้ภาษาเยอรมันของเรามันไปช้ามาก (จากที่ประเมินตัวเอง แบบว่าไม่ได้ดั่งใจ) ก็เลยเปลี่ยนมาอ่านเล่มที่ 2 ก็พยามยามจำคำศัพท์ให้เยอะๆ เข้าไว้คะ (ของเราใช้วิธีการจัดใส่กระดาษโน้นแผ่นเล็กๆ ที่เค้าตัดไว้แล้ว....(เราจะได้ไม่ต้องไปเมื่อยตัดกระดาษเอง)...จุดคำศัพท์ตามหนังสือที่แยกเป็นหมวดหมู่เอาไว้) เราใช้เวลาอ่านจบทั้งหมดประมาณ 3 อาทิตย์นะคะ แต่ระหว่างนั้นเราก็อ่านเล่มอื่นๆ ด้วยนะ แต่จะให้น้ำหนักกับเล่มนี้ก่อน
5. อ่าน Glossary German-English ของ Schritte International 1 อันนี้เพื่อเก็บแกรมม่าคะ อ่านควบคู่ไปกับเล่มที่ 2
6. หลังจากอ่าน Glossary German-English ของ Schritte International 1 จบจริงๆ ควรอ่านเล่ม 2 ต่อ แต่เราหาไม่ได้ ก็ให้เริ่มทำแบบฝึกหัด Wortschatz & Grammatik A1 ของ Hueber
ตั้งแต่ข้อ 1 - 6 ใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์นะคะ
7. สัปดาห์ที่ 4 ให้เริ่มฝึกการตั้งคำถามคะจากคำศัพท์ที่เราได้เรียนจาก Zertifikat A1 เทคนิคของเราคือเราพิมพ์ใส่ excel แยกแต่ละ sheet เป็นแต่ละหมวดหมู่คะ เสร็จแล้วเราก็ส่งไปให้แฟนเราตรวจว่าที่เราตั้งคำถามมานี่เราตั้งได้ถูกไหม ตัวอย่างที่เราทำไว้นะคะมีทั้งหมด 7 หมวดหมู่
8. ฝึกเขียนจดหมายโดยใช้โจทย์จากหนังสือ และเว็บของคุณหญิงที่ทำไว้ให้คะ (ดูตัวอย่างการเขียนจดหมายได้จากเว็บไชต์ข้อ 9)
9. ให้เริ่มฝึกทำข้อสอบจากตัวอย่างคะ ลองทำชุดแรกก่อนแล้วประเมินตัวเองว่าพอจะได้คะแนนเท่าไหร่ แล้วเราต้องเพิ่มส่วนไหน
10. สัปดาห์ที่ 5 และ 6 จะเป็นสัปดาห์ของการทบทวนคำศัพท์ และฝึก speaking ทั้งหมดคะ
และให้ฝึกทำข้อสอบหลายๆ ครั้งคะ (ฝึก speaking กับคุณแฟนได้นะคะ โดยเราเป็นคนเลือกบัตรคำ โชว์ให้คุณแฟนดูว่าเราได้คำว่าอะไร แล้วเราก็ฝึกตั้งคำถามคะ...แต่ของเราคุณชายก็พอช่วยได้นะคะ แต่แบบว่าพอฝึกไปได้ซัก 1 ชั่วโมง คุณเธอก็อยากคุยเรื่องอื่นแล้วอ่ะคะ เราก็เลยแบบว่าได้ฝึกนิดหน่อย แต่เค้าก็ช่วยได้เยอะตอนเช็คการตั้งคำถามใน excel และการเขียนจดหมายคะ)
เอาไว้เดี๋ยวจะมาลงรายละเอียดให้ในแต่ละส่วนของการสอบนะคะ
วีซ่าเยี่ยมเยียนเยอรมัน....กรณีออกค่าใช้จ่ายเอง
เอกสารที่ต้องเตรียม
(ให้เรียงลำดับไปตามนี้เลยนะคะ)
1. สำเนาพาสปอร์ต (เซ็นรับรองสำเนาด้วยคะ) +
ตัวจริง + รูปถ่าย 2 ใบ (1 ใบติดที่แบบฟอร์มขอวีซ่า และอีก 1
ใบให้เขียนชื่อ+เลขที่พาสปอร์ตยื่นให้เจ้าหน้าที่พร้อมเอกสารทั้งหมดตอนสัมภาษณ์)
รูปถ่ายไปถ่ายที่สถานทูตได้เลยนะคะ 4 รูป 180 บาท เพื่อความชัวร์
2. แบบฟอร์มขอวีซ่า http://videx.diplo.de/ ต้องกรอกผ่านเว็บนะคะ พอกรอกข้อมูลเสร็จก็กด save
data และกด print application อย่าลืมเช็คว่าน่าสุดท้ายจะเป็น
barcode นะคะ ต้องนำมาด้วย
ในเอกสารแบบฟอร์มขอวีซ่าจะต้องเซ็น 3 ที่นะคะ
(เอกสารมีทั้งหมด 7 หน้ารวมหน้า Barcode)
- เซ็นที่หน้า 4
หัวข้อ 36 (สถานที่+วันที่) 37 ลายเซ็น
- หน้า 5 และหน้า 6 สถานที่+วันที่ และลายเซ็น
3. ลงนามรับทราบข้อกำหนดตามกฎหมายการพำนักในเยอรมนีมาตรา
54 ข้อ 6 และมาตรา 55
4. หนังสือเชิญ หรือจดหมายเชิญ
ของเราใช้เป็นจดหมายเชิญ เนื่องจากออกค่าใช้จ่ายเอง โดยให้แฟนเขียนแนะนำตัว
และเหตุผลที่เชิญเราไป (ให้แฟนเซ็นเอกสาร และสแกนส่งมาให้ทางอีเมล์
โดยเราปรินท์สีแบบความละเอียดสูงสุด) + สำเนา Passport + สำเนาหน้าที่เข้าออกไทย
+ สำเนาบัตรประชาชนที่มีเลขทะเบียนบ้าน
(เอกสารทุกอย่างให้เซ็นสำเนาถูกต้องมาด้วยคะ)
5. จดหมายแนะนำตัวเอง +
รูปถ่ายที่แสดงความสัมพันธ์กับผู้เชิญ (อันนี้ print ใส่กระดาษ A4 ไปสองรูปคะเป็นรูปสี)
6. หนังสือรับรองการทำงานที่ระบุชื่อตำแหน่งงาน
วันที่บรรจุ เงินเดือนปัจจุบัน และระบุวันลา (อันนี้ขอมาเป็นภาษาอังกฤษคะ)
7. สำเนาหนังสืออนุมัติลาทัศนศึกษา ณ ต่างประเทศ
(เนื่องจากทำงานเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยจึงต้องทำเรื่องลาแบบนี้) +
สำเนาแบบฟอร์มที่ขอลาพักผ่อนของที่ทำงานปกติ (เป็นภาษาไทย)
8. หลักฐานทางการเงิน เราใช้เอกสาร 3 อย่าง (ให้ถือสมุดเงินฝากเล่มจริงไปด้วยนะคะ)
-
สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
-
Statement ของธนาคารที่เงินเดือนเข้าย้อนหลัง 6 เดือน
(ขอที่ธนาคาร+เสียค่าใช้จ่าย 100 บาท)
-
หนังสือรับรองฐานะทางการเงิน (ใช้บัญชีเงินเก็บ ขอธนาคารให้ออกเป็นหน่วยยูโร+เสียค่าใช้จ่าย
100 บาท และต้องเผื่อธนาคารออกหนังสือรับรองฯ ให้ 1 วัน)
9. หลักฐานประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ
(บริษัทและวงเงินตามกำหนดของสถานทูตคะ) ของเราแฟนซื้อให้และส่งมาให้ทางอีเมล์
เราก็ปรินท์มาแสดง เราทำของบริษัท Allianz Global Assistance เนื่องจากขอไปแค่ 9 วัน ค่าประกัน 15 ยูโร
10. สำเนาทะเบียน + เล่มจริง (แต่ของเราใช้
ทร.14 ใบจริงไปให้เลย เนื่องจากขอมาเกินเพื่อทำเรื่องวีซ่าแต่งงาน)
ขั้นตอนการขอวีซ่า
1. เมื่อได้เอกสารครบแล้วให้โทรไปจองคิวกับสถานทูตที่เบอร์
1900 222 343 (ค่าบริการนาทีละ 9 บาท)
วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น. ข้อมูลที่ต้องเตรียมคือชื่อ-นามสกุล (ภาษาอังกฤษตามพาสปอร์ต) และหมายเลขหนังสือเดินทาง
หลังจากนั้นเค้าจะให้เราจดรหัสคะ
(หรือจะให้เลือกส่งรหัสให้ทางมือถือก็ได้นะคะ) แต่เราเลือกจดคะ
พอได้รหัสมาให้พิมพ์ หรือเขียนใส่กระดาษดังนี้คะ
ยื่นขอวีซ่าเยี่ยมเยียน
Code:
วันที่ และเวลายื่นวีซ่า
ชื่อภาษาอังกฤษ
และเลขที่พาสปอร์ต
2. ให้มาถึงก่อนเวลานัดประมาณครึ่งชั่วโมง
พอมาถึงสถานทูตปิดมือถือ ฝากมือถือ และอุปกรณ์ Electronic แล้วนำกระดาษที่เราเตรียมไว้ยื่นให้ Counter
แรกที่แจกบัตรคิวเลยคะ (ใส่ลงไปในกล่อง) ไม่ต้องพูดหรือถามอะไรนะคะ
(ได้ข่าวมาว่าดุมาก) หลังจากนั้นเค้าจะจดช่องที่สัมภาษณ์
และคิวใส่กระดาษขาวแผ่นเล็กๆ ให้
3. ถือกระดาษข่าวแผ่นเล็กๆ
ไปให้เจ้าหน้าที่ที่รอเรียกคิวคะ
4. ระหว่างรอก็ไปถ่ายรูป
ติดลงในแบบฟอร์มให้เรียบร้อย รอเรียกตามคิวเข้าไปสัมภาษณ์ เค้าจะเรียกเป็นชุดๆ
ตามเวลาที่เราได้นัดหมายไว้ เช่น คิวยื่นวีซ่า 8.00 น. หรือ 8.30 น. เป็นต้น
5.
พอเจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปข้างในให้เดินเข้าไปช่องในสุด หรือตามเจ้าหน้าที่เข้าไปคะ
พอดีเราได้สัมภาษณ์ช่อง 12 ก็นำกระดาษที่เค้าจดคิวยื่นให้เจ้าหน้าที่
(เค้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับบัตรคิวอีกทีอยู่ข้างใน) แล้วรอเรียกชื่อคะ
6. เค้าจะเรียกชื่อเข้าไปสัมภาษณ์ทีละคน
คำถามที่เราโดนถาม ดังนี้คะ
-
ขอวีซ่าไปทำอะไร.....ไปเยี่ยมแฟนคะ
-
แฟนชื่อ.........ใช่ไหม (อ่านในจดหมาย) อยู่เยอรมันใช่ไหม....คะ
-
รู้จักกับแฟนได้ยังไง.....เว็บไชต์ (บอกชื่อเว็บด้วยคะ)
-
รู้จักกันมานานเท่าไร.....8 เดือนคะ (ให้ตอบเป็นปี หรือเดือน)
-
เคยเจอกันกี่ครั้ง.......2 ครั้ง แฟนมาครั้งแรก กพ. และพ.ค
-
ครั้งล่าสุดเจอเมื่อไหร่......พ.ค. คะ
-
แฟนเคยส่งเงินมาให้ไหม......ไม่เคยคะ
-
คุณทำงานอะไร.....(ตอบอาชีพ)
-
คุณทำงานที่ไหน
-
ทำงานมานานเท่าไร......ประมาณ 4 ปีคะ (ตอบเป็นปี หรือเดือน)
-
เคยแต่งงาน...มีลูกไหม......ไม่เคย ไม่มีคะ
-
ออกค่าใช้จ่ายเอง....คะ (พร้อมทั้งดูเอกสารการเงินของเรา) ตอนแรกจะขอให้เราไปสำเนาสมุดบัญชี
เนื่องจากวันที่ update Statement ที่นำไปยื่นกับสมุดบัญชีไม่ใช่วันเดียวกัน
แต่โชคดีที่บัญชีเงินเก็บธนาคารรับรองเป็นยูโร
(ตอนแรกเจ้าหน้าที่คงคิดว่ารับรองเป็นเงินบาท)
และเงินน่าจะเพียงพอเค้าก็เลยไม่ขอเพิ่มคะ
-
ไปกี่วัน.....9 วัน (ให้แจ้งวันที่จะเดินทาง และวันที่กลับด้วยนะคะ)
-
จะรับเล่มเอง หรือรับทางไปรษณีย์ ......ไปรษณีย์คะ ^______^
7. ไปชำระเงินที่ counter2 และให้เตรียมเงินมาแบบพอดีเลยนะคะ สถานทูตระบุมาเลยว่าต้องพอดี
ในวันนั้นต้องจ่ายค่าวีซ่าไป 2,700 บาทคะ T____T
8. ออกไปซื้อซองจดหมาย และเสียค่าส่งไปรษณีย์
130 บาทคะ
สรุปค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าทั้งหมด 3,210 บาท
(ไม่รวมค่าถ่ายเอกสาร และค่าเดินทาง)
ยื่นขอวีซ่าวันที่ 4 มิถุนายน 2557 ได้วีซ่าคืนทางไปรษณีย์วันที่ 6 มิถุนายน 2557
ได้จำนวนวันตามที่ขอเลยคะไม่มีขาดและไม่มีเกิน 555+
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)